โดย นายธนินท์ เจียรวนนท์
ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร
เครือเจริญโภคภัณฑ์
ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร
เครือเจริญโภคภัณฑ์
สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ตามราคาน้ำมันและความต้องการสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ลดลงอันเป็นผลกระทบมาจากเศรษฐกิจโลก เป็นแรงกดดันให้รายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยลดลง เนื่องจากไทยส่งออกสินค้าเกษตรเป็นหลัก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
ปัจจุบันหากมองไปที่ประเทศพัฒนาแล้วที่ส่วนใหญ่เป็นประเทศอุตสาหกรรม แท้จริงในประวัติศาสตร์มีวิวัฒนาการหรือมีการพัฒนามาจากเกษตรกรรม เมื่อมีการนำเทคโนโลยีเครื่องมือเครื่องจักรมาใช้ทำให้ภาคเกษตรมีการพัฒนาก้าวหน้าขึ้น ซึ่งจะไปหนุนให้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม ธุรกิจบริการเติบโต
ในขณะเดียวกันประเทศที่พัฒนาแล้วยังมีการสนับสนุนด้านราคาสินค้าเกษตรเพื่อยกระดับรายได้ของภาคเกษตรให้สูงขึ้นทำให้เกษตรกรมีรายได้สูงเทียบเท่ากับคนทำงานในเมือง ต่างจากเกษตรกรไทยที่มีแต่หนี้สินเพราะภาครัฐไม่เคยให้ความสำคัญว่าเกษตรกรควรมีรายได้ขั้นต่ำเป็นเท่าไหร่
ความเสี่ยง 3 ประการที่ทำให้เกษตรกรไทยมีความเสี่ยงสูงมากที่สุด คือ
1.เสี่ยงกับเงินที่ลงทุน โดยไม่รู้อนาคตว่าจะได้ทุนคืนหรือไม่
2.เสี่ยงกับภัยธรรมชาติ เพราะภาคเกษตรไทยยังคงพึ่งธรรมชาติดินฟ้าอาการในการทำเกษตรกรรม
3.เสี่ยงกับราคาสินค้าเกษตรที่ไม่แน่นอน แม้ว่าจะได้ผลผลิตดีแต่ถ้าราคาต่ำเกษตรกรก็จะขาดทุนมีหนี้สินเพิ่มขึ้น เกษตรกรไทยจึงมีความเสี่ยงสูงแต่กำไรน้อยซึ่งผิดธรรมชาติที่ว่าในเมื่อมีความเสี่ยงสูงจะต้องได้กำไรสูงด้วย
หากสามารถทำให้เกษตรกรขายสินค้าเกษตรในราคาที่สูงเกษตรกรก็จะมีรายได้ดีขึ้นและมีกำลังใจที่จะพัฒนาเพิ่มผลผลิตนำเทคโนโลยีมาใช้ ธนาคารกล้าปล่อยสินเชื่อให้เกษตรกร ทำให้ภาคเกษตรกรรมเกิดการพัฒนาขึ้น
สินค้าเกษตรสำคัญ อาทิข้าว ข้าวโพด ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์ม ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทั่วโลกต้องการทั้งนี้เพื่อความมั่นคงด้านอาหาร และความต้องการพืชพลังงาน ซึ่งประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในด้านนี้ต่อประชาคมโลก
ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ไทยควรใช้โอกาสนี้พัฒนาภาคเกษตรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ภาคเกษตรไทยควรพัฒนาไปสู่เกษตรสมัยใหม่ด้วยการเติม 3 ปัจจัยหลักที่เกษตรกรขาดคือ 1.ทุน 2.เทคโนโลยี และ3.ตลาด
เนื่องจาก 3 ปัจจัยดังกล่าวล้วนมีผลต่อการพัฒนาภาคการเกษตรไทยสู่เกษตรสมัยใหม่ ภาครัฐจึงต้องมีบทบาทสำคัญในสนับสนุนเงินทุนผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เช่นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการเป็นแหล่งเงินทุนให้กับเกษตรกร เพิ่มการลงทุนวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีการเกษตร และพัฒนาขั้นตอนการตลาดแบบครบวงจรตั้งแต่การเก็บเกี่ยว การเก็บรักษา การแปรรูป การขนส่ง และหาตลาดรองรับสินค้า มีการจัดพื้นที่เพราะปลูกที่เหมาะสม มีระบบชลประทานที่ดี
เกษตรสมัยใหม่อีกแนวทางหนึ่งคือ การส่งเสริมให้เอกชนเข้ามารับความเสี่ยงแทนเกษตรกรด้วยการสนับสนุนการลงทุน ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาบริการจัดการ และหาตลาดรองรับสินค้าเกษตรเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงและแน่นอน เช่น การที่ซี.พี.เข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรทำฟาร์มเลี้ยงไก่ด้วยการรับประกันราคารับซื้อจากเกษตรกร ยกตัวอย่างถ้าเกษตรกรเลี้ยงไก่แบบเดิมจำนวน 100 ตัว กำไรตัวละ 30 บาท ไก่ 100 ตัวได้กำไรเพียง 3,000 บาท แต่ถ้าเกษตรกรเลี้ยงด้วยระบบฟาร์ม 10,000 ตัว กำไรตัวละ 3 บาท ไก่ 10,000 ตัวก็ยังมีกำไรถึง 30,000 บาท ทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น เป็นต้น
แนวทางการพัฒนาภาคเกษตรให้เป็นเกษตรกรรมแบบสมัยใหม่มีด้วยกัน 4 รูปแบบคือ
1. เกษตรกรกลุ่มยากจนที่สุด เกษตรกรกลุ่มนี้จะทำการเกษตรตามมีตามเกิด เนื่องจากอยู่ห่างไกลความเจริญ การจะเข้าไปสนับสนุนให้ทุกคนทำเกษตร อาทิ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ทั้งหมดคงเป็นเรื่องยาก แนวทางที่เห็นว่าสามารถทำได้คือให้เกษตรกรเหล่านี้รวมตัวกันเป็นบริษัทหรือสหกรณ์โดยที่ทุกคนเป็นหุ้นส่วน เอกชนทำหน้าที่เหมือนเป็นผู้รับจ้างเข้าไปสร้างโรงเรือน ดูแลระบบการจัดการฟาร์ม หาตลาดรองรับสินค้า แนวทางดังกล่าวเกษตรกรยังคงเป็นเจ้าของ ส่วนผลกำไรที่เกิดขึ้นแบ่งกันระหว่างเกษตรกรและเอกชน
2. เกษตรกรตามหมู่บ้าน บริษัทจะเข้าไปคัดเลือกเกษตรกรรายที่มีความสามารถแต่ไม่มีเงินทุน โดยบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนให้ก่อน เช่น ลงทุนฟาร์มเลี้ยงสัตว์ให้ก่อน 1 โรงเรือน เพื่อให้โรงเรือนแห่งนี้เป็นเสมือนโรงเรียนสำหรับเกษตรกรในหมู่บ้านที่สนใจให้เข้ามาเรียนรู้การทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ แล้วจึงพัฒนาส่งเสริมให้เกษตรกรรายนี้เป็นตัวแทนบริษัท
3. เกษตรกรที่ยึดอาชีพทำสวนผลไม้ บริษัทเห็นว่าควรเข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรกลุ่มนี้ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์เพิ่ม เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ขณะเดียวกันมูลสัตว์ที่ได้ก็นำไปทำปุ๋ยสำหรับสวนผลไม้ ซึ่งเป็นแนวทางลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
4. เกษตรกรกลุ่มที่มีที่ดินมีเงินทุน แต่ไม่มีกำลังจะทำ กลุ่มนี้บริษัทเห็นว่าควรให้เกษตรกรเป็นผู้ลงทุนสร้างโรงเรือน และบริษัทเข้าไปเช่าโรงเรือน ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้เกษตรกรกลุ่มนี้
การพัฒนาเกษตรกรรมไปสู่การทำการเกษตรแบบสมัยใหม่ดังกล่าว นอกจากจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น และเป็นการพัฒนาภาคเกษตรของประเทศในแนวทางเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้ว
ขอบคุณที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1235479363
![]() |
" ปุ๋ยดินดี เจริญอินทรีย์ภัณฑ์ "
ปุ๋ยอินทรีย์ผสมมูลค้างคาว ธรรมชาติ100% ไร้เคมี และหัวเชื้ออินทรีย์สกัดมหัศจรรย์ | |||||||||||||||||||||||||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
บริษัทยังมีผลิตภัณฑ์ด้านเกษตรและสำหรับสัตว์อีกมากมายกว่า 100 ตัว สั่งปุ๋ยเม็ด 15 ตันขึ้นไปจัดส่งฟรีถึงบ้านทั่วประเทศ |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น